กินอาหารแช่แข็งอย่างไร ให้ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ?
มิถุนายน 16, 2020
เทรนด์ของอาหารการกินแปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ในยุคหนึ่งเราฮิตทานไข่เค็ม ถัดมาอีกยุคเราฮิตดื่มชานมไข่มุก เปลี่ยนผ่านมาเรื่อยๆ จนในปัจจุบัน เทรนด์อาหารที่มาแรงคงหนีไม่พ้น ‘อาหารคลีน’ เพื่อสุขภาพ ไม่ว่าจะอาซาอิโบวล์ (Acai Bowl) อาหารกล่องที่ใช้อกไก่และข้าวไรซ์เบอร์รี่ และอื่นๆ อีกมากมาย ไปดูกันดีกว่าค่ะว่า ทำไมธุรกิจอาหารคลีนถึงได้รับความนิยม…?
ทำไม ‘ธุรกิจอาหารคลีน’ ถึงบูมหนักในช่วงที่ผ่านมา?
อาหารคลีน เป็นอาหารที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่ และเลือกแต่วัตถุดิบชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่นผัก ผลไม้ รวมถึงเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย และไม่ติดมัน ทำการปรุงด้วยเครื่องปรุงน้อยอย่าง เน้นรสชาติที่แท้จริงของวัตถุดิบ เพื่อลดปริมาณโซเดียม ถือเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างสมดุลด้วยเหตุนี้ ‘อาหารคลีน’ จึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรักสุขภาพ ที่มีจำนวนมากขึ้นในปัจจุบัน บวกกับเหตุผลด้านความสะดวกและรวดเร็วของชีวิตที่เร่งรีบ ธุรกิจอาหารคลีนที่พร้อมเสิร์ฟอาหารสุขภาพส่งตรงถึงที่จึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
ธุรกิจอาหารคลีนสัมพันธ์กับการลดใช้พลาสติกอย่างไร?
แต่ความรุ่งโรจน์ของธุรกิจอาหารคลีนนั้น ดูจะสวนทางกับกระแสฮอตฮิตอีกหนึ่งอย่างในประเทศไทย นั่นก็คือ การรณรงค์ให้ลดและเลิกใช้พลาสติก...ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
เหตุผลก็เพราะ บรรจุภัณฑ์ที่ใช้ในธุรกิจอาหารคลีนส่วนใหญ่นั้นทำมาจากพลาสติก ทั้งยังเป็นพลาสติกเนื้อแข็ง ด้วยเหตุผลด้านความสวยงาม แข็งแรงคงทน ขนส่งสะดวก สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้ และเมื่อยอดออเดอร์อาหารคลีนพุ่งสูง จำนวนขยะพลาสติกจากบรรจุภัณฑ์อาหารคลีนก็ยิ่งมากขึ้นตามไปด้วยนั่นเองนอกจากนั้น ขยะพลาสติกในรูปแบบบรรจุภัณฑ์อาหารคลีนยังถือเป็นขยะปนเปื้อนเศษอาหาร ที่ไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ การกำจัดจึงต้องใช้วิธีฝังกลบเพียงอย่างเดียว ซึ่งหากดำเนินการได้ไม่ถูกต้อง ขยะพลาสติกเหล่านี้อาจรั่วไหลส่งสู่ทะเล หรือแม่น้ำ ส่งผลกระทบไปยังสัตว์ทะเลได้อีกด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ในฐานะของผู้ประกอบการธุรกิจอาหารคลีน จะมีวิธีไหนที่เราจะสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ลองไปดู 4 กลยุทธ์การลดใช้พลาสติกในธุรกิจอาหารคลีน ที่เรานำมาฝากกันเลยค่ะ
4 กลยุทธ์ลดใช้พลาสติกในธุรกิจอาหารคลีน
เลือกใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้
ส่วนใหญ่แล้วกล่องพลาสติกจะสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แต่สำหรับกล่องพลาสติกที่ผ่านการอุ่นในไมโครเวฟมาแล้วนั้น ไม่ควรนำกลับมา Reuse เพราะอาจเสื่อมสภาพจากความร้อน เสี่ยงต่อการมีสารปนเปื้อน กลยุทธ์ในข้อแรกนี้ ผู้ประกอบการอาจต้องปรับเปลี่ยนวิธีการจัดส่ง โดยเปิดให้ลูกค้าออเดอร์อาหารคลีนเป็นคอร์ส แล้วจัดส่งอาหารคลีนให้ถึงมือแบบวันต่อวัน ลูกค้าจะได้ไม่ต้องนำอาหารเข้าอุ่นในไมโครเวฟ กล่องพลาสติกที่ใช้เป็นบรรจุภัณฑ์ก็จะสามารถนำกลับไปใช้ใหม่ได้ แถมลูกค้ายังได้ทานอาหารคลีนแบบสดใหม่ของที่ร้านอีกด้วยเปลี่ยนจากการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกมาเป็นบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก
หากพูดถึงบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก อาจเห็นภาพเป็นกล่องกระดาษ จานกระดาษ แก้วกระดาษที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวก็เปื่อยยุ่ยจนต้องทิ้ง แต่ในปัจจุบัน หลายๆ บริษัทผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ได้มีการคิดค้นและพัฒนาบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแรงทนทาน การนำกลับมาใช้ใหม่ (Reuse) หรือแม้แต่การใช้ร่วมกับไมโครเวฟได้โดยไม่ละลาย ไม่บิดเบี้ยว ปราศจากสารปนเปื้อนต่างๆ เรียกได้ว่า สามารถใช้แทนบรรจุภัณฑ์พลาสติกได้แบบไม่มีที่ติ แถมยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
งดแถมชุดช้อนส้อมมีดพลาสติก
อีกหนึ่งขยะพลาสติกที่เป็นปัญหาไม่แพ้กัน แต่กลับถูกมองข้าม คือ ชุดช้อนส้อมพลาสติก ที่มักแถมมาพร้อมกับการสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี (Food delivery) กลยุทธ์ในข้อนี้เราแนะนำให้ผู้ประกอบการธุรกิจอาหารคลีน งดแจกชุดช้อนส้อมพลาสติก รวมถึงมีดพลาสติก โดยอาจประชาสัมพันธ์ผ่านทางเพจของร้าน ขอความร่วมมือให้ลูกค้าเข้าใจในแนวทางการลดใช้พลาสติกด้วยการงดแจกช้อนส้อม และขอโทษในความไม่สะดวกสบาย เราเชื่อว่าลูกค้าจะเข้าใจ และให้ความร่วมมือแน่นอน
หรือถ้าอยากให้ลูกค้าสะดวกสบายจากการทานอาหารคลีนของร้านเรามากที่สุด ก็สามารถเปลี่ยนจากช้อนส้อมมีดพลาสติก มาใช้ช้อนส้อมมีดที่ผลิตมาจากวัสดุรักษ์โลก สามารถย่อยสลายได้ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
เปลี่ยนจากถุงพลาสติกธรรมดามาเป็นถุงพลาสติกรักษ์โลก
ถุงพลาสติก ถือเป็นประเภทของขยะพลาสติกที่มีปริมาณมากเป็นอันดับหนึ่ง แม้ถุงพลาสติกจะสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้อีกหลายครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางคนนั้นยังไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้เท่าไหร่นัก กลยุทธ์สุดท้าย เราจึงอยากแนะนำให้ผู้ประกอบการธุรกิจอาหารคลีนทั้งหลาย ลองเปลี่ยนมาใช้ถุงพลาสติกชนิดพิเศษ เช่น ถุงพลาสติกจากมันสำปะหลัง หรือถุงพลาสติกที่ทำมาจากพลาสติกรีไซเคิล เพราะถุงพลาสติกแบบพิเศษนี้สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ แต่หากจะทิ้งก็สามารถย่อยสลายได้ง่ายกว่าถุงพลาสติกแบบเดิมนั่นเองค่ะ
สุดท้ายนี้ ฟาฟาอยากบอกทุกคนว่าการใช้ผลิตภัณฑ์จากพลาสติกนั้นไม่ใช่เรื่องต้องห้าม ในกรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกก็ได้ ก็อยากให้ใช้เท่าที่จำเป็น หากเป็นพลาสติกที่สามารถใช้ซ้ำได้ ก็อยากให้นำกลับมาใช้ใหม่ และที่สำคัญคือ ควร ‘คัดแยก’ บรรจุภัณฑ์พลาสติกใช้แล้ว (อ่านบทความ "
ไขข้อข้องใจ แยกขยะยังไงให้ได้ประโยชน์ที่สุด?") ถ้าเป็นไปได้ นำไปล้างด้วยน้ำเปล่าเพื่อกำจัดเศษอาหาร แล้วทิ้งลงถังขยะสำหรับพลาสติกเพื่อให้นำไปรีไซเคิลต่อได้นั่นเองค่ะ